Professional Photographer
ชื่อในวงการถ่ายภาพ : TheTigerEyes
แนวที่ถนัด : Travel Portrait, Landscape
Facebook : Tiger.Thanakorn
IG : thetigereyesphoto
สายการบิน Emirates
- ขาไป
05 พฤษภาคม 2567 EK 371 BKK-DXB 03.30 – 06.50 (ุ6 ชม. 20 นาที)
EK 135 DXB-VCE 09.05 – 13.25 (6 ชม. 20 นาที)ขากลับ
12 พฤษภาคม 2567 EK 136 VCE-DXB 15.35 – 23.20 (5 ชม. 45 นาที)
13 พฤษภาคม 2567 EK 384 DXB-BKK 02.50 – 12.15 (6 ชม. 25 นาที)
**สมาชิกสามารถเลือกเดินทางต่างสายการบินได้ โดยไฟลท์ขาไปจะต้องถึงก่อนหรือพร้อมกรุ๊ป และไฟลท์ขากลับจะต้อง ออกหลังหรือพร้อมกรุ๊ป**
**หากสมาชิกต้องการซื้อตั๋วเครื่องบินเอง กรุณาตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ว่าทริปยืนยันการเดินทางแล้ว**
กำหนดการเดินทาง
5 พฤษภาคม 2567 | Day 1 | Bangkok – Dubai – Venice – Doge’s Palace – St. Mark’s Square – Caffe Florian (D)
- 00.30 น. พร้อมกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เคาน์เตอร์ T สายการบิน Emirates03.30 น. ออกเดินทางสู่ท่าอากาศยานดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
โดยสายการบิน Emirates เที่ยวบิน EK 37106.50 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อรอต่อเครื่อง09.05 น. ออกเดินทางสู่ท่าอากาศยานมาร์โค โปโล เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี
โดยสายการบิน Turkish Airlines เที่ยวบิน EK 13513.25 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานมาร์โค โปโล เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง)
- หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและรับสัมภาระแล้ว นำท่านเดินทางสู่เกาะเวนิส และเข้าเช็คอินที่พัก เก็บสัมภาระและผ่อนคลายอิริยาบทก่อนเดินเที่ยวชมเมืองในช่วงเย็น
- เวนิส (Venice) จุดหมายปลายทางสุดโรงแมนติกแห่งแคว้นเวเนโต ประเทศอิตาลี ถูกสร้างขึ้นจากการเชื่อเกาะเล็ก ๆ จำนวน 118 เกาะ เข้าด้วยกันในบริเซณทะเสสาบเวนิเทีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทะเล เอเดรียติกในภาคเหนือของประเทศอิตาลี ด้วยความสวยงามของบ้านเมือง จึงได้รับขึ้นขึ้นทะเบียนจากยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลก ซึ่งปัจจุบันไม่อนุญาตให้เรือสำราญขนาดใหญ่เข้าเทียบท่า เพื่อยังคงรักษาสภาพให้เป็นเมืองปลายทางของนักท่องเที่ยวได้ตลอดไป
- Doge’s Palace พระราชวังดอดจ์เป็นพระราชวังที่ถูกสร้างในสไตล์โกธิกแบบเวนิส เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญของเมืองเวนิสในทางตอนเหนือของอิตาลี พระราชวังแห่งนี้เป็นที่ประทับของดอดจ์แห่งเวนิส ผู้มีอำนาจสูงสุดของอดีตสาธารณรัฐเวนิส สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1340 ต่อเติมและดัดแปลงในศตวรรษต่อ ๆ มา กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ในปี ค.ศ. 1923 และเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ 11 แห่งที่ดำเนินการโดย Fondazione Musei Civici di Venezia (เดินชมและเก็บภาพภายนอก)
- Mark’s Square มหาวิหารเซนต์มาร์กมีอายุย้อนไปถึงศตวรรษที่ 9 อาสนวิหารแห่งนี้อุทิศให้กับนักบุญมาร์กผู้เผยแพร่ศาสนา นักบุญอุปถัมภ์ของเมืองเวนิส และเป็นที่เก็บรักษาพระธาตุของนักบุญมาร์ก ในปี ค.ศ. 1063 เมื่อเวลาผ่านไปได้มีการเพิ่มหน้าต่างเพิ่มมากขึ้น และด้านนอกได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่ ด้วยกระเบื้องโมเสกอันประณีตและการเพิ่มเสา ซึ่งเป็นของที่เสียหายจากสงครามครูเสดครั้งที่ 4
- แวะพักที่คาเฟ่ Caffe Florian เป็นร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ภายในตึกที่รายล้อมจัตุรัส Piazza San Marco ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1720 และเป็นร้านกาแฟที่เก่าแก่ที่สุดที่เปิดดำเนินการอย่างต่อเนื่องในอิตาลี และได้รับการยอมรับว่าเป็นร้านกาแฟที่เก่าแก่ที่สุดเป็นอันดับสองของโลกมีการตกแต่งสวยงามเป็นเอกลักษณ์ ด้วยบรรยากาศร้านสไตล์บาโรกสุดหรูหรา (ค่าของว่างและเครื่องดื่มไม่รวมในค่าทัวร์)
- เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ร้านอาหารที่พัก คืนที่ 1 Albergo Cavalletto & Doge Orseolo หรือใกล้เคียง
6 พฤษภาคม 2567 | Day 2 | Burano – Gondola ride in Grand Canal – The Rialto Bridge – Libreria Acqua Alta – Venice Rooftop (B-L-D)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
- เกาะบูราโน่ (Burano) เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวประมง ห่างจากเวนิสไป 11 กิโลเมตร โดดเด่นด้วยสีสันอันสดใสของอาคารบ้านเรือนที่ตัดกันดีกับสีท้องฟ้า และท้องทะเล มีตำนานเล่าว่า เกาะบูราโน่ เป็นบ้านของชาวประมง และทาสีให้สะดุดตาเพื่อให้พวกเขามองเห็นทางกลับบ้านเมื่อมีหมอกปกคลุม เนื่องจากบริเวณนั้นมีเกาะในท้องทะเลมากมาย
- เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร
- Gondola ride in Grand Canal เมื่อมาเยือนเมืองเวนิส เมืองแห่งสายน้ำ กิจกรรมที่พลาดไม่ได้ คือ การล่องเรือกอนโดล่า (Gondala) ในคลองใหญ่ซึ่งเป็นคลองสายหลักและเป็นเส้นทางคมนาคมสำคัญของ เวนิส คลองใหญ่นี้มีความยาว 8 กิโลเมตร กว้าง 30-90 เมตร และมีความลึกเฉลี่ย 5 เมตร และแบ่งเมืองที่ไม่ซ้ำใครแห่งนี้ออกเป็นสองส่วน คล้ายกับรูปตัว ‘S’ ผ่านใจกลางเมืองเวนิส ตลอดทางในแต่ละด้านจะพบกับอาคารที่น่าทึ่ง สถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม และสะพานประวัติศาสตร์ที่น่าประหลาดใจ
- The Rialto Bridge สะพานริอัลโตเป็นหนึ่งในสะพานข้ามคลองใหญ่แกรนด์คาแนลที่มีความเก่าแก่ที่สุด และยังเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูป เดิมสะพานสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1181 และได้มีการรื้อสร้างใหม่ด้วยหิน จนเป็นสะพานที่มีความสวยงามอย่างที่เห็นในปัจจุบัน สะพานแห่งนี้เชื่อมระหว่างย่านสำคัญของ เมืองเวนิส ซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และคาเฟ่มากมาย
- Libreria Acqua Alta ร้านหนังสือสไตล์วินเทจที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแห่งนี้ซ่อนตัวอยู่ตามถนนสายรองของเวนิส ชื่อของร้านมีที่มาจากคำว่า Acqua Alta คือช่วงน้ำขึ้นสูงอย่างมากในบริเวณทะเล เอเดรียติกตอนเหนือ สูงจนล้นเวนิสลากูน แล้วไหลบ่าเข้ามาในคูคลองของเกาะเวนิส ส่งผลให้น้ำทะลักเข้าสู่ทางเดินเท้าภายในเมือง ร้านแห่งนี้เป็นแหล่งขุมทรัพย์ของหนังสือใหม่และมือสองที่สร้างสรรค์ในเรือ กอนโดลาและอ่างอาบน้ำ เพื่อช่วยให้หนังสือปลอดภัยจากน้ำท่วม อีกไฮไลท์สำคัญ คือ ด้านหลังร้านมีการนำหนังสือเก่า ๆ ที่เสียหายจากการเปียกน้ำท่วมในอดีต มากองรวมกันเป็นผนังหนังสือเก่า ซ้อนกันเป็นบันไดติดกำแพงที่สามารถปีนขึ้นได้ เป็นจุด Instagrammable Spot ที่ไม่ควรพลาด
- Venice Rooftop ชมวิวและเก็บภาพจากมุมสูงของเมืองเวนิส (Venice) ที่สามารถมองเห็นสถาปัตยกรรม อาคารบ้านเรือน คลองสาขาต่าง ๆ ได้ทั่วทั้งเมือง ได้ชมวิวทิวทัศน์ของเมืองที่ขึ้นชื่อว่า โรแมนติกมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลกแบบเต็มตาเต็มใจ
- เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ร้านอาหารที่พัก คืนที่ 2 Albergo Cavalletto & Doge Orseolo หรือใกล้เคียง
7 พฤษภาคม 2567 | Day 3 | Venice – Tronchetto – Cruise Ship Port – Cruise – Leisure on Cruise (B-L-D)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
- เช็คเอ้าท์ออกจากที่พัก และเดินทางไปยังจุดจอดรถตรอนเชตโต (Tronchetto) เพื่อนั่งรถไปยังท่าเทียบเรือ Cruise Ship Port เพื่อลงเรือสำราญ Azamara Pursuit
บ่าย รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
- Leisure on Cruise พักผ่อนบน Azamara Pursuit เรือสำราญสุดหรูสไตล์ยุโรป ระดับโรงแรม 5 ดาว ให้บริการเหนือระดับพรั่งพร้อมครบถ้วน เริ่มจากอาหารชั้นเลิศบริการตลอดวัน เครื่องดื่มบริการตลอดเส้นทางไม่อั้น (Soft Drinks & Bear & Wine) นอกเหนือจากนี้ยังสามารถสั่ง Room Service มาที่ห้องได้ตลอด 24 ชั่วโมง และด้วยขนาดเรือเหมาะกับการเทียบท่าตัวเมืองได้สะดวก ถึงสถานที่ท่องเที่ยว มอบประสบการณ์ความหรูหราและเพียบพร้อมของสิ่งอำนวยความสะดวกให้ท่านได้สัมผัส
ทั้งนี้ Azamara Pursuit เป็นเรือสำราญที่ตอบโจทย์ทริปนี้ได้ดีที่สุด ด้วยขนาดที่ไม่ใหญ่และไม่เล็กจนเกินไป มีความยาวตลอดลำ 594.2 ฟุต มีส่วนกว้างที่สุดอยู่ที่ 84 ฟุต ระวางน้ำหนักเรือรวม 30,277 GT จึงเข้าไปเทียบท่าเรือขนาดเล็กในบางเมืองได้ ในขณะเดียวกันภายในเรือยังมีความหรูหรา เต็มไปด้วยความสะดวกสบาย ทั้งร้านค้าและสิ่งบันเทิงมากมาย ความโฉบเฉี่ยวภายนอกและความสวยหรูภายในของเรือลำนี้เพิ่งได้รับการปรับปรุง ตกแต่งใหม่ และเปลี่ยนชื่อเป็น Azamara Pursuit ในปี 2018 นี้เอง ภายในตัวเรือ ประกอบด้วย 9 ชั้น มีห้องอาหารสุดหรูถึง 6 ห้อง นอกจากนี้ยังมีโรงละคร ห้องออกกำลังกาย บาร์ สปา สระว่ายน้ำ อ่างจากุซซี รวมถึงห้องพักที่ใหม่และสวยงามถึง 300 กว่าห้อง จุนักท่องเที่ยวได้กว่า 700 คน มีลูกเรือรวม 400 คน เรียกได้ว่าแขกที่พักบนเรือจะได้รับการบริการอย่างใกล้ชิดด้วยสัดส่วนลูกเรือกับแขกที่มาพัก 1 : 2 กันเลยทีเดียว
เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
ที่พัก คืนที่ 3 Azamara Pursuit Cruise
8 พฤษภาคม 2567 | Day 4 | Split, Croatia – The Cathedral of Saint Dominus – Diocletian’s Palace – Peristyle Square – The Bell Tower of Saint Dominus Cathedral – Cruise (B-L-D)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
- Split, Croatia เรือสำราญเทียบท่าที่เมืองสปลิท (Split) ประเทศโครเอเชีย (Croatia) หรือ อาณาจักรของจักรพรรดิไดโอคลีเชียน ถือเป็นจักรพรรดิองค์สำคัญของโรมัน พระองค์มีชีวิตอยู่ใน ค.ศ. 245 – 311 โดยเกิดในตระกูลต่ำต้อยและค่อย ๆ ไต่เต้าจากการเป็นทหารจนได้เป็นจักรพรรดิ อาณาจักรโรมันในเวลานั้นมีความไม่สงบที่เรียกว่า ” วิกฤตการณ์ แห่งศตวรรษที่สาม” (Crisis of the Third Century) กินเวลาประมาณ 50 ปี โดยทหารหลายกลุ่มผลัดเปลี่ยนกันเป็นจักรพรรดิ เกิดสงครามกลางเมือง รวมถึงโรคระบาด และเศรษฐกิจตกต่ำ จนจักรวรรดิโรมันเริ่มเสื่อมถอย เมื่อจักรพรรดิไดโอคลิเชียนได้ขึ้นครองราชย์ ก็สามารถยุติความวุ่นวายต่าง ๆ ภายในเวลา 20 ปี (ค.ศ. 285 – 305) จากนั้นพระองค์ก็สละราชบัลลังก์ และไปประทับอยู่ที่พระราชวังที่สร้างเตรียมไว้ที่เมืองสปลิทจนสวรรคตในปี ค.ศ. 311 ถือเป็นจักรพรรดิโรมันพระองค์แรกที่สละราชบัลลังก์โดยสมัครใจ
- The Cathedral of Saint Dominus โบสถ์เซนต์ดอมนิอุสแห่งนี้เป็นที่ตั้งของอัครสังฆมณฑลสปลิต -มาคาร์สกา อาสนวิหารเซนต์ดอมนิอุสเป็นกลุ่มอาคารของโบสถ์ สร้างขึ้นจากสุสานของจักรวรรดิโรมัน พร้อมด้วยหอระฆัง
- Diocletian’s Palace พระราชวังไดโอคลีเชียนอยู่ในรายชื่อมรดกโลกของ UNESCO ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1979 พระราชวังแห่งนี้เป็นพระราชวังโบราณของจักรพรรดิไดโอคลิเชียน (Diocletian) แห่งโรมันที่ตัดสินใจสร้างพระราชวังในอ่าวคาบสมุทรในช่วงเปลี่ยนศตวรรษที่ 4 เพื่อเป็นที่พักอาศัยหลังจากการสละราชสมบัติ
- เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
- Peristyle Square จัตุรัสเพอริสไตล์ เป็นหัวใจของพระราชวังไดโอคลีเชียน (Diocletian)
- The Bell Tower of Saint Dominus Cathedral หอระฆังดอมนิอุส
- เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญที่พัก คืนที่ 4 Azamara Pursuit Cruise
9 พฤษภาคม 2567 | Day 5 | Dubrovnik, Croatia – Old Town – Dubrovnik Wall – Cruise (B-L-D)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
- Dubrovnik, Croatia เรือสำราญจอดทอดสมอที่อ่าวด้านหน้าเมืองดูบรอฟนิก (Dubrovnik) ประเทศโครเอเชีย (Croatia) ทำการขนส่งผู้โดยสารโดย “เรือเล็ก” (Tender boat) ความจุผู้โดยสารสูงสุด 100 ท่าน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที ทั้งนี้ เมืองดูบรอฟนิก (Dubrovnik) อยู่ถัดจากเมืองสปลิทลงไปทางใต้เกือบติดชายแดนมอนเตเนโกร เป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของประเทศ ความสวยงามของที่นี่ได้รับฉายาว่าเป็น “ไข่มุกแห่งทะเล เอเดรียติก“ ได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองมรดกโลก
- Old Town เดินชมย่านเมืองเก่า ความโดดเด่นของดูบรอฟนิก คือ การเป็นเมืองโบราณริมทะเลจากยุคกลางที่สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 ซึ่งยังมีกำแพงล้อมรอบ 2 กิโลเมตร ในสภาพที่สมบูรณ์ โอบเมืองเก่าเอาไว้ การเดินสำรวจบนกำแพงเมือง นอกจากจะได้ศึกษาประวัติศาสตร์ของเมืองแล้ว ยังได้สัมผัสวิวทิวทัศน์ ของเมืองเก่าและทะเลเอเดรียติกอย่างเต็มอิ่ม
- เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
- Dubrovnik Wall กำแพงเมืองดูบรอฟนิก เดินบนกำแพงเมืองเก่าของเมืองรอฟนิก โดยแนะนำเดินแบบครึ่งรอบ ใช้ระยะเวลา ประมาณ 45 นาที เพื่อจะได้ดื่มด่ำกับความสวยงามของสถาปัตยกรรม และวิวทิวทัศน์ของทะเลเอเดรียติก
- เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญที่พัก คืนที่ 5 Azamara Pursuit Cruise
10 พฤษภาคม 2567 | Day 6 | Kotor, Montenegro – Kotor’s Old Town – St. Tryphon’s Cathedral – Cruise – Kampana Tower (B-L-D)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
- Kotor, Montenegro เรือสำราญเทียบท่าเรือเมืองโคตอร์ (Kotor) ประเทศมอนเตเนโกร (Montenegro) เมืองโคตอร์เป็นเมืองโบราณอายุกว่า 2,000 ปี มีประวัติศาสตรเ์ก่าแก่มาตั้งแต่สมัยกรีกและโรมัน ทำหน้าที่เป็นเมืองชายฝั่งทะเลสำคัญในอดีต และเป็นศูนย์กลางการค้าในแถบทะเลเอเดรียติก มีภูมิประเทศสวยงามรายล้อมด้วยเทือกเขาและอ่าวโคตอร์ ภายในเมืองมีกำแพงเมือง ป้อมปราการจากอดีต คูคลองที่เชื่อมกับอ่าวและอาคารบ้านเรือนแบบยุคกลางที่ยังคงอนุรักษ์ความเก่าแก่เอาได้เป็นอย่างดี ตามแบบฉบับของเมืองในยุคกลางที่สร้างขึ้นระหว่างศตวรรษที่ 12-14 ปัจจุบันได้กลายเป็นแหล่งมรดกโลกภายใต้ชื่อ Natural and Culturo-Historical Region of Kotor
- Kotor’s Old Town เมืองเก่าโคตอร์ นอกจากเดินชมอาคารบ้านเรือนที่เก่าแก่มาก ๆ แล้ว เมืองนี้ยังมีชื่อเสียงในฐานะเมืองแห่งแมว จนมีการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์แมวที่จัดแสดงสิ่งของที่เกี่ยวกับแมว แต่ถึงแม้ไม่ได้เข้าไปชมด้านในพิพิธภัณฑ์ ก็จะสามารสังเกตได้ว่าโคตอร์มีแมวเยอะมาก ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็พบแมวตลอดทาง กลายเป็นขวัญใจนักท่องเที่ยว
- Tryphon’s Cathedral โบสถ์เซนต์ไทรฟอน เป็นโบสคริสต์นิกายคาทอลิกเพียงหนึ่งเดียวในเมือง โคตอร์ ซึ่งสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1166 ตั้งชื่อโบสถ์ตามชื่อของนักบุญไทรฟอน ซึ่งเป็นนักบุญผู้ปกป้องเมืองนี้
- เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
- Kampana Tower หอคอยกัมปานาอยู่บนกำแพงเมืองโคตอร์ (Kotor) ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก ถูกสร้างขึ้นหลังปี ค.ศ. 1420 เป็นหนึ่งในหอคอยที่มีลักษณะเด่นที่สุดของป้อมปราการยุคกลางที่ล้อมรอบเมืองเก่าโคตอร์ (Kotor) ป้อมปราการนี้ก่อตั้งขึ้นโดยจักรพรรดิไบแซนไทน์ที่ 1 แห่งอาณาจักรไบแซนไทน์ กำแพงเมืองและป้อมปราการของเมืองขยายวงกว้างมากขึ้น เนื่องจากผู้ปกครองแต่ละคนต้องการเพิ่มความแข็งแกร่งเพื่อปกป้องเมืองจากผู้รุกราน วิวจากด้านบนหอคอยจะมองเห็นทิวทัศน์กว้างไกลของอ่าวและภูเขาอันงดงามที่โอบล้อมเมือง
- เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญที่พัก คืนที่ 6 Azamara Pursuit Cruise
11 พฤษภาคม 2567 | Day 7 | Zadar, Croatia – Zadar’s Old Town – Roman Forum – Bell Tower of St. Anastasia – St. Anastasia’s Cathedral – Kolovare Beach – Cruise (B-L-D)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
- Zadar, Croatia เรือสำราญเทียบท่าเรือเมืองเมืองซาดาร์ (Zadar) ประเทศโครเอเชีย (Croatia) เป็นเมืองใหญ่อันดับที่ห้าของประเทศโครเอเชีย ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ติดกับทะเลเอเดรยีติกในภูมิภาค ดัลเมเทีย ที่นี่มีผลงานศิลปะซึ่งเป็นแลนด์มาร์กแห่งสำคัญของเมือง คือเครื่องดนตรีที่ถูกสร้างขึ้นโดยฝีมือมนุษย์ แต่ได้พลังจากธรรมชาติ เมื่อคลื่นกระทบฝั่งกลายเป็นเสียงดนตรีช่วยบรรเลงท่วงทำนองสุดมหัศจรรย์ออกมา ออ์แกนทะเลหรือที่ชาวโครเอเชียเรียกกันว่า Morske Orgulje เป็นผลงานการออกแบบของ นิโคลา เบสิก Nikola Bašić สถาปนิกชาวซาดาร์ ที่ได้รับโจทย์จากเทศบาลเมือง ให้สร้างผลงานสถาปัตยกรรมเพื่อให้เป็นสีสันและจุดจดจำแห่งใหม่ของเมือง แทนที่โบราณสถานอันทรงคุณค่ามากมายที่ถูกทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จนเหลือเพียงซาก
- Zadar’s Old Town ย่านเมืองเก่าซาดาร์ เมืองแห่งนี้มีอายุเก่าแก่ประมาณ 2,800 ปี ในอดีตเป็นเมืองท่าทางทะเลที่สำคัญแห่งหนึ่งของทะเลเอเดรียติกและเป็นที่ช่วงชิงของหลายอาณาจักรเพื่อครองความได้เปรียบของการค้าทางทะเลในบริเวณนี้ และเป็นเมืองที่ อัลเฟรด ฮิตซ์ ค็อก กล่าวไว้ว่าพระอาทิตย์ตกสวยที่สุดในโลก
- เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
- Bell Tower of St. Anastasia and Anastasia’s Cathedral หอระฆังอยู่ติดกับโบสถ์เซนต์อนาสตาเซียเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในดาร์มาติ ส่วนเก่าแก่ที่สุดคือโบสถ์คริสต์ยุคแรก ๆ ปัจจุบันมีลักษณะแบบโรมันที่เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 12 ในปี ค.ศ. 1202 ระหว่างสงครามที่ล้อมรอบและพิชิต มหาวิหารได้รับความเสียหายและต่อมาได้มีการขยายตัว และมีตัวหอระฆังสูงตระหง่านเป็นสัญลักษณ์ของเมือง
- Kolovare Beach หาดโคโลวาเรเป็นชายหาดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในซาดาร์ ตั้งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองออกไป 5 กิโลเมตร ชายหาดแห่งนี้มีน้ำทะเสใสสะอาดพื้นหาดเป็นหินกรวดละเอียด ลักษณะเป็นทรงแคบยาว มีความยาวประมาณ 350 เมตร ที่นี่มีวิวที่สวยงามเหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ
- เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญที่พัก คืนที่ 7 Azamara Pursuit Cruise
12 พฤษภาคม 2567 | Day 8 | Venice – Dubai (B)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
- เช็คเอ้าท์ และเรือเทียบท่าที่เมืองเวนิส ออกเดินทางสู่ท่าอากาศยานมาร์โค โปโล เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี
15.35 น. ออกเดินทางสู่ท่าอากาศดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
โดยสายการบิน Emirates เที่ยวบิน EK 136
23.20 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อรอต่อเครื่อง
13 พฤษภาคม 2567 | Day 9 | Bangkok
02.50 น. ออกเดินทางสู่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ
โดยสายการบิน Emirates เที่ยวบิน EK 384
12.15 น. เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ
อาหาร
- ค่าใช้จ่ายนี้ไม่รวมค่าอาหารบางมื้อ โดยแต่ละวันได้ระบุอาหารรวมอยู่ในค่าทริปแล้ว (B=อาหารเช้า / L=อาหารกลางวัน / D=อาหารเย็น)
- ค่าใช้จ่ายนี้ไม่รวมค่าเครื่องดื่มและของว่าง ในคาเฟ่ที่ไปถ่ายภาพ
โรงแรมที่พัก
5 พ.ค. Albergo Cavalletto & Doge Orseolo หรือใกล้เคียง I ห้องละ 2 ท่าน
6 พ.ค. Albergo Cavalletto & Doge Orseolo หรือใกล้เคียง I ห้องละ 2 ท่าน
7 พ.ค. Azamara Pursuit Cruise ห้องละ 2 ท่าน
8 พ.ค. Azamara Pursuit Cruise ห้องละ 2 ท่าน
9 พ.ค. Azamara Pursuit Cruise ห้องละ 2 ท่าน
10 พ.ค. Azamara Pursuit Cruise ห้องละ 2 ท่าน
11 พ.ค. Azamara Pursuit Cruise ห้องละ 2 ท่าน
เงื่อนไขการจองและการชำระเงิน
1.หลังจากท่านจองทริปและชำระมัดจำแล้ว หมายถึง ท่านยอมรับเงื่อนไขและรายละเอียดที่บริษัทแจ้งไว้ทั้งหมด
2.เนื่องจากรายการเดินทางเป็นแบบเหมาจ่าย บริษัทสงวนสิทธิ์ไม่คืนเงินในกรณีที่ท่านถูกปฏิเสธการเข้าและออกประเทศ
สงวนสิทธิ์ไม่รับจองทัวร์สำหรับผู้เดินทางต่อไปนี้
- ผู้ที่ไม่ชอบกิจกรรมการถ่ายภาr
- ผู้สูงอายุที่ไม่สามารถดูแลตนเองได้ หรือต้องใช้วีลแชร์ เนื่องจากทริปถ่ายภาพต้องใช้การเดินเท้ามาก
- บุคคลไร้ความสามารถ
- เด็กที่มีอายุระหว่างแรกเกิดถึง 10 ปี
อัตราค่าบริการ : 159,500 บาท/ท่าน
- วันที่จอง : ชำระมัดจำงวดแรก 40,000 บาท พร้อมแจ้งชื่อ เบอร์โทรศัพท์ และส่งสำเนา PASSPORT
- ภายในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 : ชำระครั้งที่ 2 60,000 บาท
- ภายในวันที่ 20 มีนาคม 2567 : ชำระส่วนที่เหลือทั้งหมด
- พักเดี่ยวชำระเพิ่ม 59,000 บาท
- ชำระด้วยบัตรเครดิตค่าทริปเต็มจำนวน ไม่ชาร์จเพิ่ม
- โปรโมชั่นผ่อน 0% นาน 6 เดือน ผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ
- *หากลูกค้าชำระค่าใช้จ่ายในการเดินทางไม่ตรงเวลา ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ไม่คืนมัดจำให้กับลูกค้า พร้อมยกเลิกการเดินทางของท่าน*
การยกเลิกทริปโดยลูกค้า
- ยกเลิกตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2567 – 19 กุมภาพันธ์ 2567 หักมัดจำ 30,000 บาท
- ยกเลิกตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 – 19 มีนาคม 2567 หักมัดจำ 50,000 บาท
- ยกเลิกตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2567 – วันเดินทาง ไม่สามารถคืนเงินที่ชำระมาได้ทั้งหมด
- หากลูกค้าไม่สามารถเดินทางได้เนื่องจากติดเชื้อ Covid-19 หรือเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงหรือเหตุผลส่วนตัวอื่นๆ สามารถมอบสิทธิ์หรือขายสิทธิ์ให้ท่านอื่นเดินทางแทนได้ แต่ไม่สามารถยกเลิกการเดินทางได้ตามเงื่อนไขการจอง / การเปลี่ยนชื่อผู้เดินทางของตั๋วเครื่องบิน ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของตั๋วที่ท่านซื้อไว้
- บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกทริป หรือเปลี่ยนแปลงราคาค่าทริปในกรณีที่ผู้เดินทางน้อยกว่า 10 ท่าน
- ลูกค้าที่ไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขการจองข้อใดข้อหนึ่ง ถือว่ายินยอมในการยกเลิกการเดินทาง
การยกเลิกทริปโดยบริษัท
ในกรณีที่ทริปต้องถูกยกเลิกการเดินทางด้วยเหตุปัจจัยต่างๆ เช่น เกิดโรคระบาดร้ายแรง เกิดการก่อการร้าย เกิดความไม่สงบ เกิดการ ประท้วง เกิดจากภัยธรรมชาติทำให้ไม่สามารถเดินทางได้ หรือเหตุอื่นๆ ที่ถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัย โดยถือว่าการตัดสินใจ ยกเลิกการเดินทางเป็นสิทธิ์ขาดของทางบริษัท ทางบริษัทยินดีที่จะคืนค่าทริปที่ลูกค้าจ่ายมาทั้งหมด และจะดำเนินการขอ Refund ค่าตั๋วเครื่องบินให้ลูกค้าตามเงื่อนไขของสายการบิน
ค่าบริการนี้รวม
– ค่าโรงแรมที่พักรวมทั้งสิ้น 7 คืน
– ทิปพนักงานบนเรือ 200 USD/ท่าน
– Beverage Package บนเรือ
– ค่าอาหารตามที่ระบุในโปรแกรม
– ค่าธรรมเนียมวีซ่าเชงเก้น (หากท่านไม่ต้องทำวีซ่า ค่าธรรมเนียมวีซ่า 4,500 บาท จะหักออกจากค่าทริป)
– ค่ารถและยานพาหนะต่างๆ ที่ใช้เดินทาง
– ค่าน้ำมัน ค่าที่จอดรถ ค่าทางด่วน
– ค่าเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและพนักงานขับรถ
– ค่าธรรมเนียมเข้าชมสถานที่ต่างๆ ตามที่ระบุในโปรแกรม
– ค่าประกันเดินทาง ทุนประกัน 3,000,000 บาท เงื่อนไขตามกรมธรรม์
(กรณีผู้เดินทางมีอายุน้อยกว่า 16 ปี และอายุมากกว่า 75 ปีขึ้นไป ทุนประกัน 1,500,000 บาท)
*** ค่าใช้จ่ายต่างๆ เป็นการเหมาจ่าย หากท่านยกเลิกโปรแกรมท่องเที่ยวใดๆ จะไม่สามารถขอคืนเงินเป็นรายการได้ เนื่องจากทางบริษัทมีการจ่ายล่วงหน้าไปทั้งหมดแล้ว ***
ค่าบริการนี้ไม่รวม
– ตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศ (ไปกลับ กรุงเทพฯ – เวนิส)
– ค่าทำหนังสือเดินทาง และวัคซีนพาสปอร์ต
– แพคเกจอินเตอร์เนตบนเรือสำราญ
– ค่าทิปพนักงานท้องถิ่นและพนักงานขับรถ ( 50 EUR/ท่าน)
– ค่าเครื่องดื่มและของว่างหากแวะคาเฟ่
– ค่าธรรมเนียมเข้าเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ นอกเหนือจากที่ระบุ ลูกค้าสามารถเลือกได้ด้วยตัวท่านเองว่าจะเข้าชมหรือไม่
– ค่าใช้จ่ายอื่นๆ นอกเหนือรายการ เช่น ค่าเครื่องดื่ม มินิบาร์ ค่าโทรศัพท์ และอื่นๆ เช่น ค่าซักรีด
– ค่าธรรมเนียมในการยื่นใบอนุญาตสำหรับชาวต่างด้าวที่กลับเข้าประเทศ
– ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และค่าหักภาษี ณ ที่จ่าย 3% ซึ่งต้องจ่ายเพิ่มจากราคาค่าทัวร์
– ค่าตรวจ RT-PCR ก่อนและหลังเดินทางไปต่างประเทศ และที่พักหลังจากกลับมาจากต่างประเทศ
– ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่ได้คาดหมาย
การชำระเงินค่าทริป
หากสนใจร่วมเดินทาง สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ Line ID: @allimprezz